กำเนิด
ท่านพุทธทาสภิกขุ เดิมชื่อ เงื่อม พานิช โยมบิดาชื่อ นายเซี้ยง โยมมารดาชื่อ นางเคลื่อน เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ ณ ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านพุทธทาสมีพี่น้อง ๓ คน ท่านเป็นคนโต น้องคนรองเป็นชายชื่อ ยี่เกย หรือ นายธรรมทาส น้องสุดท้องเป็นหญิงชื่อ กิมซ้อย
สู่เพศบรรพชิต
ครั้นถึง พ.ศ. ๒๔๖๙ ท่านพุทธทาสมีอายุครบ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทที่วัดนอก (อุบล) และมาประจำอยู่ที่วัดใหม่ (พุมเรียง) โดยมีท่านพระครูโสภณเจตสิการาม (คง วิมโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดทุ่ม อินฺทโชโต เจ้าอาวาสวัดนอก (อุบล) และพระครูศักดิ์ ธมฺมรกขิโต เจ้าอาวาสวัดหัวคู (วินัย) เป็นพระคู่สวด ท่านได้ฉายว่า”อินฺทปญฺโญ” ปลายปี พ.ศ. ๒๔๗๔ ท่านพุทธทาสได้ลงมาจากกรุงเทพฯ และเริ่มมองหา สถานที่เหมาะสม โดยมีคณะอุบาสกธรรมทาน ๔–๕ คน ได้ออกไปสำรวจและตกลงใจเลือกวัดร้างชื่อ วัดตระพังจิก ในวันวิสาขะ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ “สวนโมกข์พุมเรียง”
“สวนโมกขพลาราม” นั้น ท่านกล่าวว่า ในบริเวณนั้นมีต้นโมกและต้นพลาขึ้นอยู่ ท่านจึงนำเอาคำ โมก และ พลา มาต่อกัน ซึ่งก็ได้ความเต็มคำว่า “กำลังแห่งความหลุดพ้น” และเมื่อรวมกับคำว่า อาราม ซึ่งแปลว่าที่ร่มรื่น ที่รื่นรมย์ จึงกลายมาเป็นชื่อ สำนักป่า ชื่อตรงกับวัตถุที่ท่านประสงค์ กล่าวคือ เพื่อส่งเสริมวิปัสสนาธุระและเพื่อส่งเสริมให้เกิดความหลุดพ้นและที่มาของชื่อ “พุทธทาส” เป็นเพราะท่านตั้งใจจะรับใช้พระพุทธเจ้าในฐานะที่เป็นทาส
การศึกษา การปฏิบัติธรรม และการเผยแผ่
ท่านพุทธทาสอุทิศชีวิตเพื่อการปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้น พร้อม ๆ ไปกับการค้นคว้าพระไตรปิฏกอย่างเอาจริงเอาจังจนมีความรู้แตกฉานในข้อธรรมต่าง ๆ อีกทั้งท่านพุทธทาสยังมีความสนใจในศาสตร์สาขาวิชาอื่น ๆ อาทิเช่น พุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ปรัชญาอินเดีย ปรัชญาตะวันตก ตลอดถึงวิทยาศาสตร์ โดยสามารถประยุกต์เอาหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาอธิบายควบคู่ไปกับศาสตร์สมัยใหม่ได้อย่างทรงพลัง ทำให้ท่านมีผลงานทางวรรณกรรมมากมาย เช่น หนังสือ “พุทธสาสนา” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่ธรรมะ และเพื่อแถลงกิจการของคณะธรรมทานและสวนโมกข์ ท่านเล่าว่าในยุคนั้นที่กรุงเทพฯเคยมีหนังสือพิมพ์ “ธรรมจักษุ” ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า (กรมพระยาวชิรญาณวโรรส) แต่เมื่อสิ้นท่านก็ได้หยุดไป เมื่อท่านพุทธทาสออกหนังสือพิมพ์พุทธสาสนาในต่างจังหวัด ทางกรุงเทพฯ จึงรื้อทางกรุงเทพฯ จึงรื้อฟื้น “ธรรมจักษุ” ชุดธรรมโฆษณ์ (วรรณกรรมหลัก) “ระเบิดภูเขาหิมาลัย” หนังสือที่ออกมาเพื่อต่อต้านเรื่อง “ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม” โดยโจมตีว่า พุทธทาสภิกขุ รับจ้างคอมมิวนิสต์มาทำลายพระศาสนา และมีการนำเรื่องดังกล่าวฟ้องพระเถระผู้ใหญ่ด้วย แต่ไม่เป็นผล
นามปากกาที่ท่านพุทธทาสใช้มีมากมาย ได้แก่ “พุทธทาส” จะเขียนเรื่องธรรมะโดยตรง “อินฺทปญฺโญ” กับ “ธรรมโยธ” จะเขียนเรื่องให้คนโกรธ เพราะจะวิจารณ์กันอย่างแรง กระทบกันแรง “สิริวยาส” เขียนโคลงกลอน “สังฆเสนา” เขียนแบบนักรบเพื่อธรรม ส่วน “ทุรโลกา รมณจิต” เขียนเรื่องปรารถนาโลก “ข้าพเจ้า” เขียนเรื่องแง่คิดขำ ๆ “นายเหตุผล” เป็นการแกล้งเขียน เป็นเจตนาที่จะให้ผู้อ่านคิดนึกในทุกแง่ทุกมุม แกล้งเขียนค้านพุทธศาสนา ถ้าจะค้านมันจะค้านได้อย่างนี้ ให้คนอื่นได้วินิจฉัยได้ความรู้ทางพุทธศาสนามากขึ้นต่อมาเมื่อท่านพุทธทาส มุ่งเน้นการปฏิบัติธรรมเป็นหลัก โดยค้นคว้าศึกษาพระไตรปิฎก ท่านจึงได้เขียน “ตามรอยพระอรหันต์” ขึ้น โดยคัดเลือกเอาพระไตรปิฎก ส่วนหรือสูตรที่ควรจะเผยแพร่ มาแปลลงในหนังสือพิมพ์ พุทธสาสนาท่านเล่าว่า “….ในนั้นมีความสมบูรณ์ของการปฏิบัติ ทั้งนี้เพราะค้นคว้าสำหรับไว้ใช้เองด้วย เพื่อตามรอยเอง เพื่อใช้กับตนเอง แล้วก็เห็นว่าคนอื่นเขาก็ใช้ได้ ก็เลยให้พิมพ์ให้โฆษณาออกไป…มันเป็นตอนต้น ๆ ก่อน สมาธิ ภาวนา
หนังสือ “พุทธสาสนา” และ “การปฏิบัติธรรม” เป็นหนังสือ ๒ เล่มสำคัญ ที่ทำให้เจ้าชื่น สิโรรส คหบดีชาวเชียงใหม่ ได้มีโอกาสอ่านและเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าในการทำงานเผยแผ่พระศาสนาในเวลาต่อมา โดยมีท่านพุทธทาส คณะธรรมทานเป็นผู้แนะนำและวางรากฐานให้เกิดการก่อตั้ง “คณะพุทธนิคม เชียงใหม่” ในปี พ.ศ.๒๔๙๑ และการบูรณะฟื้นฟูวัดร้างเชิงดอยสุเทพ ให้เป็น “วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม” มาจนถึงปัจจุบัน